ร้านไม่ลับฉบับ อโศก / Eat / Drink / Sleep

ร้านไม่ลับฉบับ อโศก / Eat / Drink / Sleep

วันนี้มาในมิติใหม่เพราะเอาใจคนเที่ยวเมืองกรุงหลังจากเราเที่ยวต่างจังหวัด ต่างประเทศมากันบ้างแล้ว ก็ถึงเวลากิน เที่ยว นอนกลางใจเมืองกันบ้าง พาทัวร์ย่านอโศใจกลาง กรุงเทพ  

จะไปพาไปไหนบ้าง ในเวลาแค่เสาร์-อาทิตย์ 

ตามหัวเรื่องด้านบนเราจะพาเพื่อนๆตะลุยร้านดีๆเด็ดๆ เอาใจสายคาเฟ่และสายดื่ม เรารวบรวมเอาไว้ 5 ร้าน ด้วยกัน เริ่มต้นกันที่ Chu จานเด็ดๆที่นี่ออกแนวอาหารยุโรปฟิวชั่น เครื่องดื่มกาแฟคือดีมากจริงๆ ต่อกันที่ Artis Coffee Bangkok มาดื่มกาแฟสดดริปเย็น เข้มๆ เมนูเรคคอมเมนต์ ยังไม่พอร้านกาแฟในสวนญี่ปุ่น ชื่อร้านว่า Iwane goes nature / sukumvit 23 นอกจากจะมีเครื่องดื่มแล้วยังมีเบเกอรี่อร่อยๆ รวมทั้งเมนูจานหลักให้เลือกเยอะมาก ผ่านไปสามร้านยังไม่สะใจวัยรุ่น สายดื่มค่ำๆไปจอยกันที่ 

Havana Social ร้านดังที่มีเครื่องดื่มหลากหลายเคล้าเพลงสไตล์ละตินส่งตรงจากคิวบา และปิดท้ายกันแบบคอนทราสต์สุดๆที่ Studio Lam ร้านของขาเมาสไตล์หมอลำ แห่งเดียวของ กทม

ทริปเล็กๆนี้เราพักกันที่โรงแรม Red Planet Hotels Thailand อโศก เป็นเวลา 1 คืน ตอบโจทย์เราอย่างมากเพราะไม่ได้มีแผนที่จะพักผ่อนอยู่แต่ในที่พัก พวกเราเลยมองหาที่พักในราคาย่อมเยาว์ แต่คุณภาพดีๆ เพื่อตอบโจทย์กับทริปลักษณะนี้ ด้วยมาตรฐานที่พัก ที่น่าเชื่อถือเพราะว่าเป็นแบรนด์ที่มีหลายสาขาทั่วเอเชียเราบอกเลยว่าโรงแรมนี้มีหมาะกับคนทุกเพจ ทุกวัย รวมทั้งไลฟ์สไตล์คนขี้เที่ยวด้วย

ร้านที่  Chu Chocolate Bar & Cafe

ร้านจะอยู่ที่ชั้น 2 ตึก Exchange Tower ถ้ามาจากทางเชื่อมรถไฟฟ้าบีทีเอส อโศก เข้าตึกมาก็เจอร้านเลยล่ะง่ายจริงๆ ร้านกว้างขวางสะอาดตาและดูดีแบบเรียบหรู 

เมนูแนะนำ

-egg benefict (ในรูป) เขาว่าไม่สั่งเหมือนไม่ได้มา เป็น signature ของร้านสุดๆ หน้าตาอลังการ 

ไข่นุ่มดึ๋งๆพริ้วไหวยามโต๊ะสั่น กรีดกลางไข่แดงทะลักออกมาเหมือน lava ภูเขาไฟ เราเลือกไส้เบคอน

เมนูนี้ขอบอกว่าเอาใจคนรักถั่วและคาราเมล สำหรับตอนเช้าๆแบบนี้ ดื่มเครื่องดื่มเช้าๆบอกเลยว่า 

"ตื่น" ไม่แพ้กาแฟเข้มๆเลย น้ำตาลและความหวานเข้าไปถึงกระแสโลหิตอย่างรวดเร็ว

แพนเค้กผลไม้กำลังถูกราดด้วยซอส ซิกเนเจอร์เมนูของร้านนี้เค้าเลยนะ หันไปโต๊ะไหนก็ต้องมีแพนเค้กหน้าตาแบบนี้วางอยู่ ถ่ายรูปก็สวยรสชาติก็อร่อย บรรยากาศภาพรวมภายในร้าน กว้างขวาง 

ไม่อึดอัด เราไปกันประมาณ 10 โมงเช้า คนก็เริ่มคึกคักกันแล้ว

อาหารจานหลักของร้านนี้คะแนนสูสีกับเครื่องดื่มและของหวานเลยก็ว่าได้ เซ็ตอาหารเช้าเอย สปาเกตตี้เอย อย่างในรูปที่กำลังหั่นอยู่นั้น คือ egg benefict เขาว่าไม่สั่งเหมือนไม่ได้มา เป็น signature ของร้านสุดๆ หน้าตาอลังการ ไข่นุ่มดึ๋งๆพริ้วไหวยามโต๊ะสั่น กรีดกลางไข่แดงทะลักออกมาเหมือน lava 
ภูเขาไฟ เราเลือกไส้เบคอน แป้งด้านล่างนุ่มเหนียวกำลังเหมาะเจาะ สลัดผักสด ครีมซอสรสดี

อโศกเป็นย่านที่มีสีสันและชีวิตชีวาตลอดเวลา ส่วนใหญ่การเดินเล่นของเราจะเป็นการเดินในห้างบ้าง
ในสวนสาธารณะบ้าง หรือไม่ก็ฉีกไปตลาดนัดต่างๆเพื่อช็อปปิ้งกันไปเลยแต่วันนี้เราจะมาเดินอโศก
เพื่อล่าคาเฟ่และจุด Hangout ต่างๆ และหวังว่าจะจุดประกายการเดินเล่นในย่านอื่นๆ
ขอขอบคุณที่ติดตามกันครับ

อ่างขาง ดินแดนที่พ่อให้ สักวันฉันจะไป (อีก)

อ่างขาง  ดินแดนที่พ่อให้

สักวันฉันจะไป (อีก)

   เมื่อก่อนตอนได้เห็นรูปภาพ หรือได้รับฟังเรื่องเล่าจากอ่างขาง ผมคิดเพียงว่าที่แห่งนี้คือแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เป็นจุดถ่ายรูปที่ต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิต แต่พอได้มาสัมผัสได้มารู้เรื่องราวของอ่างขางอย่างลึกซึ้งมากขึ้นในแต่ละครั้ง กว่าที่ดอยอ่างขางจะมาเป็นดอยอ่างขางที่สวยงามอย่างในปัจจุบันนี้ คุณรู้หรือไม่ว่า เมื่อก่อนที่นี่เคยเป็นแหล่งเพาะปลูกยาเสพติดประเภทฝิ่นขนาดใหญ่ เป็นเขตชายแดนที่ไว้ใช้ขนส่งยาเสพติด

แล้วจุดเปลี่ยนของดอยอ่างขาง เป็นมาอย่างไร ไม่ใช่ใครอื่นไกล "พ่อหลวงร.9" ของเรานี่เอง ท่านทรงเสด็จมายังดอยอ่างขาง และได้เปลี่ยนแปลงชีวิตชาวเขาที่นี่ไปตลอดกาลปี 2512  ในหลวงท่านทรงสละทรัพย์สินส่วนพระองค์ในการก่อตั้งโครงการในพระราชดำริ เพื่อวิจัยและช่วยเหลือชาวเขาให้เปลี่ยนจากปลูกฝิ่น มาปลูกพืชผักเมืองหนาวแทน เพื่อให้ชาวเขามีอาชีพที่มั่งคงและเลิกตัดไม้ทำลายป่าเพื่อทำไร่ฝิ่น ตามแนวพระราชดำริที่ว่า "ให้เขาช่วยตัวเอง" เหมือนกับการให้เบ็ดกับคนอื่นดีกว่าให้ปลา เพราะเขาจะสามารถหาปลาได้มากกว่าและตลอดไป

ช่วยชาวเขา ช่วยชาวเรา ช่วยชาวโลก เป็นพระราชดำริของในหลวง ทำไมเราจึงต้องช่วยชาวเขา เพราะถ้าเราช่วยชาวเขา เราก็จะมีต้นน้ำที่สะอาด มีผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ เท่ากับว่าช่วยชาวเราที่อยู่บนพื้นราบด้วย และแน่นอนเป็นการช่วยโลกให้อุดมสมบูรณ์ ไม่แห้งแล้วและเกิดภาวะเรือนกระจก ฯลฯ

ปัจจุบันอ่างขาง มีจุดท่องเที่ยวมากมาย หลายจุด เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปสัมผัสอากาศหนาว และความงามของดอไม้ วิถีชีวิตชาวเขา ได้ตลอดปี

จุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจ 

-สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ในสถานีเกษตรมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น สวน80ปี แปลงบ๊วย โรงเพาะพันธุ์พืชผักเมืองหนาว แปลงดอกกุหลาบ ร้านกาแฟดอยคำ ร้านอาหารสโมสรอ่างขาง สวนบอนไซ และอีกมากมาย

-จุดชมวิวทะเลหมอกม่อนสน 

-ไร่ชา2000

-ไร่สตรอเบอรี่บ้านนอแล

-ไร่สตรอเบอรี่บ้านขอบด้ง 

-จุดชมวิวไทย-พม่า ฐานทัพบ้านนอแล 

-จุดดูนกบ้านหลวง 

-จุดชมวิวสุ้ยถัง 

-จุดชมวิวขอบด้ง

ช่วงเวลาที่เหมาะกับการดูซากุระ และดอกพญาเสือโคร่ง 

-ซากุระ จะเริ่มบานตั้งแต่ปลายเดือน ธันวาคมของทุกปี จนถึงปลาย มกราคม หรือ ต้นกุมภาพันธ์ แล้วแต่สภาพอากาศ

-พญาเสือโคร่ง จะเริ่มบานสวยเต็มที่ ตั้งแต่อาทิตย์ที่ 2-3 ของเดือนมกราคม ของทุกปี หรือขึ้นอยู่กับสภาพอากาศของปีนั้นๆ

Dalat ,Vietnam

Dalat 

Vietnam

ดาลัด Dalat เมืองที่เต็มไปด้วยร้านกาแฟนับร้อยนับพัน อาหารข้างทางเจ๋งๆมากมาย โยเกิร์ตอร่อยดอกไม้ก็สวย จุดเช็คอินถ่ายรูปก็เยอะ ที่สำคัญอากาศดีตลอดทั้งปี แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่เราตัดสินใจเก็บกระเป๋ามาใช้ชีวิตช้าๆที่นี่ถึง 10 วัน  เราเคยมาแล้วเราชอบ เราเลยอยากมาอีก อยากมาใช้ชีวิตที่นี่ดูบ้าง

 

ดาลัด เดี๋ยวนี้เดินทางมาง่ายกว่าแต่ก่อนเยอะ เพราะมีบินตรง ไม่ต้องนั่งรถบัสจากโฮจิมินห์แล้ว ค่าเครื่องก็ 2,000-5,000 งบประมาณนี้ แล้วแต่สายการบินและช่วงเดินทาง จากสนามบินดาลัด เข้าเมืองมีรถบัสสาธารณะแบบเต็ม ใครอยากส่วนตัวก็นั่งแท็กซี่ ราคาประมาณ 300,000-400,000 ด่อง (400-500 บาท) ค่ารถสาธารณะ คนละ 40,000 ด่อง 10,000 ด่อง = 14.104 บาท (เรท 06/10/61) 

การเที่ยวในดาลัด แนะนำว่าแพลนเช่ามอเตอร์ไซด์สักวันสองวันเพื่อเที่ยวนอกเมืองและที่เที่ยวไกลๆ น้ำตก/สวนดอกไม้/ร้านกาแฟบางร้าน/โรเลอร์คอสเตอร์ ฯลฯ ที่เหลือในเมืองเดินเที่ยวได้สบายๆ ผ่านตรอกซอยทะลุถึงกันเกือบหมด (ร้านกาแฟ/บาร์/สตรีทฟู้ด/โบสถ์/เครซี่เฮาส์/เรือถีบ/บิ๊กซีโดม/ตึกเหลือง/ตลาดนัด) 

ที่พักในดาลัดก็มีให้เลือกเยอะมากเช่นกัน จะจองผ่าน app ต่างๆ หรือมา walk-in หาที่นี่ก็สบายมาก ราคาตั้งแต่หลักร้อยเบาๆ ขึ้นไปยันหลักหมื่นบาทเลยก็มี แต่ระวังพวกวันหยุดหรือวันชาติของคนเวียดนามไว้ด้วยนะครับ เพราะดาลัดเป็นเมืองพักตากอากาศของคนเวียดนาม เป็นเมืองท่องเที่ยวที่อากาศดีตลอดทั้งปี มาช่วงวันหยุดของคนที่นี่เราต้องรีบจองไม่งั้นไม่มีห้องดีๆเหลือแน่นอน (วันธรรมดาคนเดินหลักร้อย วันหยุดของเวียดนามคนเป็นแสน เดี๋ยวมีภาพประกอบให้ดูครับ 

ที่เหลือให้ภาพเล่าเรื่องละกันนะครับ ใครอยากมาเที่ยวเวลาน้อย 3 วัน 2 คืน ก็กำลังดีครับ ได้พลังงานกลับไปเต็มๆแน่นอน ใครว่างมามากกว่านี้ก็ไม่ผิดหวัง ร้านกาแฟมีเยอะมาก ผับบาร์มีโซนที่ฝรั่งชอบไปเที่ยวกันอยู่ แบ่งโซนค่อนข้างชัดเจน 

เช้าๆตื่นมาเดินเล่นกินน้ำเต้าหู้ หาอาหารเช้าแบบเวียดนามกิน หรือจะขนมปังแบบฝรั่งเศส ร้านติ่มซำก็มี เฝอก็พบได้ทั่วไป หรือจะเป็นพวกอาหารอิตาเลียน เกาหลี ก็มีให้เลือกกิน ส่วนสายเบียร์คิดว่าน่าจะชอบเมืองนี้ เพราะอากาศเหมาะกับการกระดกเบียร์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าๆ ราคาก็เบาๆ ตกกระป๋องละ 14-20 บาทเท่านั้นเอง 

เหมือนขมมครกบ้านเรา แต่รสชาติไม่ใช่ขนมนะ จะเป็นแป้งใส่ไข่ กินกับน้ำจิ้มและน้ำซุปและหมูก้อน อร่อยกว่าที่คิดเยอะมาก

เบอร์เกอร์มีร้าน เบอร์เกอร์เด็ดซอนอยู่ในตรอกเล็กๆ หลังถนนเส้นเที่ยวกลางคืน เจ้าของร้านเป็นคุณลุงชาวต่างชาติที่มาอยู่ที่เวียดนาม เนื้อเน้นๆ เต็มปากเต็มคำ 

กาแฟ ที่นี่มีทั้งแบบ กาแฟเวียดนาม (กาแฟ+นมข้น) และกาแฟสดแบบร้านบ้านเรา ใครชอบแบบไหนก็จัดไปครับ

ช่วงวันชาติเวียดนาม คนก็จะเยอะหน่อยนะครับ ใครไปช่วงวันชาติหรือวันหยุดยาวของเวียดนามก็มีโอกาสเจอคนเยอะประมาณนี้

หลังจากเกินเล่นมาหลายวัน มาลองหาร้านนวด นวดดูสักหน่อย ปรากฏว่านวดดีมาก (นวดประคบหินร้อน) คือคนละฟิลกับตอนไปซาปาเลย อันนั้นนวดเหมือนแตะๆดมๆ

บาน่าฮิลล์ดานังเวียดนาม

บาน่าฮิลล์ ดานัง เวียดนาม

บาน่าฮิลล์ (ดานัง) วันนี้สบายๆ อากาศกำลังดี เซอร์ไพรส์มากตอนเย็นมีทะเลหมอกด้วย ขนาดฝนไม่ตก ส่วนช่วงกลางวันอากาศเย็นๆ เดินเที่ยวได้สบาย กลางคืนอุณหภูมิลดถึง 16-17 องศา (ช่วง ตค) 

ค่าตั๋ว 650,000 ดอง/คน (ขึ้นมาข้างบน เล่นเครื่องเล่นได้ทุกอย่าง) ถ้าพักข้างบนนี้ ราคาตั๋วลดเหลือ 400,000 ดอง/คน (ราคาตั๋ว รวมขึ้นกระเช้าไป-กลับ พร้อมเล่นเครื่องเล่นในบาน่าฮิลล์ ฟรี) 

กิจกรรมที่น่าสนใจ ดูการแสดงต่างๆ ชมสวนดอกไม้ นั่งเคเบิ้ลไปชมจุดต่างๆ เล่นโรเลอร์คอสเตอร์ เล่นเครื่องเล่นใน fantasy park ถ่ายรูปกับสถาปัตยกรรมแบบยุโรป(ฝรั่งเศส) นั่งจิบกาแฟ ไปถ่ายรูปกับจุดชมวิว Golden hand bridge ฯลฯ 

ค่าที่พักก็ประมาณ 2,000 แล้วแต่ช่วง เสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุดก็จะราคาสูง ค่ารถจากสนามบินดานังมาโรงแรมเมอร์เคียว บาน่าฮิลล์ 400,000 ดอง ต่อแล้วจากราคาเรียก 650,000 ดอง ( ออกจากสนามบินมา เดินมาทางขวามือมีแท็กซี่จอดอยู่ที่ลานจอดรถเยอะมาก

อาหารและเครื่องดื่มข้างบน ราคาค่อนข้างแรง มีร้านให้เลือกน้อยมาก  มีพวก BBQ บุปเฟ่ต์ อาหารเกาหลี อาหารเวียดนาม ไส้กรอก อาหารฝรั่งเศส มื้อเย็นตัวเลือกจะน้อยกว่ากลางวัน ถ้ามองข้ามเรื่องอาหารไป การนอนข้างบนนี้คุ้มกว่าลงไปนอนด้านล่างแน่นอน เพราะตอนเย็นถ่ายรูปสวยมาก คนน้อยมีแต่คนที่พักข้างบนนี้เท่านั้น เช้าๆเตรียมตัวไปดูทะเลหมอกได้เลย 

กำเงินไม่ถึงหมื่น ซื้อทริปไป เกาะเชจู

กำเงินไม่ถึงหมื่น ซื้อทริปไป เกาะเชจู

กิน เที่ยว มีครบจบทริปแบบฟินๆ เผลอๆ ก็ปลายปีแล้วเวลาผ่านไปไวเหมือนพริบตา ก็ถึงเวลาต้องหาทริปส่งท้ายปี พักร่าง พักสมองแล้วถูกมั้ย  แต่ทว่างานปลายปีกองบานเบอะ 

เคลียร์กันหูดับตับไหม้แบบนี้ จะเอาเวลาที่ไหนแพลนที่เที่ยวดีละ

หรือเอาแบบง่ายๆ ไปเที่ยวกับทัวร์เลย หลายคนกำลังยี้ใช่มะ ไม่เอาเปลี่ยนความคิใหม่ การมาเที่ยวกับทัวร์แถมมากับทัวร์มืออาชีพและไว้ใจได้ บอกเลยงานดีย์  ทั้งทัวร์และไกด์นำทัวร์เลย 

วันนี้มีทริปมาแนะนำ ที่คนขี้เที่ยวแบบเราไปลองมาแล้ว กับทริป "เกาะเชจู" เมืองท่องเที่ยวสำหรับคนเกาหลีดีๆ นี่เอง อารมณ์เหมือนคนกรุงเทพฯ ไปพักร้อนที่ภูเก็ตอะ บรรยากาศดี มีมุมถ่ายรูปสวยๆ เยอะแยะมากมาย แถมได้ตามรอยซีรีส์หลายๆ เรื่องไปในตัวได้ด้วย ทริปนี้ไปกับ Travel On The World  ชำนาญเรื่องการเที่ยวเกาหลีมากๆ เลย รับรองคุ้มค่าเงินและไม่ผิดหวังแน่นอนน

ราคาทัวร์อาจจะมีขึ้นและลงบ้างขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่เดินทางนะ แต่ไปเหอะแกรทั้งบินตรง 

เที่ยวก็ครบจบไม่พูดเยอะ

การเดินทางไปเกาะเชจูของเราในครั้งนี้ด้วยสายการบิน Eastar Jet สายการบินจากประเทศเกาหลีบินตรงจากสุวรรณภูมิถึงเกาะเชจู ราคาดีงาม แถมไม่ต้องต่อเครื่องให้เสียเวลาอีกด้วย

ไร่ชาโอซุลลอค ( O’Sulloc )

เริ่มต้นทริปของเราที่ไร่ชาโอซุลลอค สัมผัสกับภาพบรรยากาศของไร่ชาเขียวที่ ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ และบริเวณใกล้ๆไร่ชาเขียวก็ยังมีมีคาเฟ่ที่ พร้อมจำหน่ายชาเขียวทั้งร้อนและเย็น ไอศกรีม ชาเขียว และโรลชาเขียวที่สายช๊อปไม่ควรพลาด

ภูเขาซองอัค ( Song Ak )

เป็นภูเขาไฟที่ สวยงามอีก1 ลูกบนเกาะเชจู สามารถชมวิวท้องทะเลและเกาะแก่งกลางทะเลมากมาย มีชายหาดหินริมทะเล ชายหาดที่นี่จะไม่ได้เป็นทรายสีขาวแต่กลับเป็นหินสีดำซึ่งได้มาเห็นครั้งแรกก็แปลกตาดีไม่เหมือนกับบ้านเรา และที่สำคัญยังเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำซีรีย์เรื่อง "แดจังกึม" อีกด้วย

วัดซันบังซา

ภายในวัดจะประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่ซึ่งเป็นพระประธานที่มี ความศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่ลื่อมใสของชาวบ้านบนเกาะเชจู และชาวเกาหลีใต้ที่นับถือศาสนาพุทธ พร้อมทั้งยังมีรูปปั้นเจ้า แม่กวนอิมซึ่งหันหน้าออกสู่ทะเลให้เราได้แวะเวียนมากราบไหว้กัน

น้ำตกซอนจียอน

เป็นน้ำตกที่มีหน้าผาหินสูง พร้อมบรรยากาศของธรรมชาติทั้งสองข้างทางให้เราได้สูดโอโซนเข้าปอดแบบเต็มๆ และถ้ายิ่งมาช่วงหลังฝนหยุดตกใหม่ๆนะ บอกเลยว่าอากาศเย็นสบายมากๆ

ชายหาดวอลจองรี ( Woljeongri Beach )

1 ใน 5 ชาดหาดที่มีชื่อเสียงบนเกาะเชจู หาดทรายสีขาวกับน้ำทะเลสีฟ้าใสนอกจากนั้นยังมีคาเฟ่ชิคๆ

ให้เรานั่งจิบกาแฟชมวิวกันแบบฟินๆอีกด้วย

พิพิธภัณฑ์แฮนยอ ( Haenyeo Museum )

พิพิธภัณฑ์ที่บอกความเป็นมาของแฮนยอหรือนักดำน้ำหญิงบนเกาะเชจู ที่มีวิถีชีวิตในการประมงด้วยวิธีการดำน้ำแบบไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ที่สะท้อนให้เราเห็นถึงความแข็งแกร่งของผู้หญิงบนเกาะเชจูแห่งนี้ จนใครๆก็ยกย่องให้แฮนยอเป็นนางเงือกแห่งท้องทะเล

หมู่บ้านวัฒนธรรมซองอึบ 

( Songeub Folk Village )

หมู่บ้านโบราณ สร้างบ้านจากดินเหนียว เป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำซีรี่ย์เรื่องแดจังกึมอีกด้วย และนอกจากนั้นคุณป้ายังแนะนำตุ๊กตาหินทอลฮารุบัง ที่เป็นสัญลักษณ์ของเกาะเชจูเชื่อกันว่าทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์คุ้มครองเกาะ และยังบอกเคล็ดลับในการลูบตุ๊กตาหินทอลฮารุบังให้เราอีกด้วยว่า ถ้าลูบตามจุดต่างๆจะได้ตามที่สิ่งที่ต้องการไม่ว่าจะเป็นที่ท้องได้จะร่ำรวย ที่จมูกได้ลูกชาย ที่หูได้ลูกสาว 

และพีคที่สุดคือลูบที่หัวจะได้แฟน  

ปล่องภูเขาไฟซองซาน อิลจุลบง 

( Songsan Sunrise Peak )

หนึ่งใน 10 สถานที่สวยงามในเกาะเชจูซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ดับแล้ว ปากปล่องภูเขาไฟที่มีลักษณะเหมือนมงกุฎและเป็นสถานที่โด่งดังที่ผู้คนมาขอพรและชมพระอาทิตย์ทั้งขึ้นและลงกัน และถ้าใครอยากชมวิวแบบพาโนราม่าบนปล่องภูเขาไฟซองซาน ยอมเหนื่อยนิดๆ แต่เราคอนเฟิร์มเลยว่าคุ้มสุดๆ

(ยงดูอัมร็อค หรือโขดหินรูปหัวมังกร)

โขดหินที่ลักษณะคล้ายกับหัวมังกร อีกหนึ่งในมนต์เสน่ห์ทางธรรมชาติของ เกาะเชจู ซึ่งถือกันว่าถ้าหากใครไม่ได้มาเยือน ยงดูอัมร็อค เพื่อมาดูโขดหินมังกร ถือว่ายังมาไม่ถึงเกาะเชจูเลยนะ

เป็นอีกทริปที่สนุกตื่นตาตื่นใจ และได้อะไรเยอะมาก ขอบคุณทีี่่ติดตามกันครับ 

Travel On The World  ขอขอบคุณ