BEAUTIFUL PLACE TO VISIT IN
Cape Town
South Africa ประเทศแห่งเจ้าป่าเจ้าเขาและชนเผ่าพื้นเมือง
ดินแดนที่มีความหลากหลายของทั้งคน สัตว์ และพืช
จนต้องใช้เวลาเที่ยวแบบลากยาวไปเมืองนั้นออกเมืองนี้อยู่เป็นอาทิตย์
Kirstenbosch National Botanical Garden
สวนพกฤษชาติแห่งนี้คือเจ้าของรางวัลสวนพกฤษชาติที่ดีที่สุดในโลก เพราะจริงๆมันคือผืนป่าจริงๆ
ที่เปิดให้เราเข้าไปเดินเล่น เข้าไปเรียนรู้และหนึ่งในไฮไลท์ที่ใช้บริการได้ฟรีก็คือ Tree Top Canopy Walk สะพานไม้บวกเหล็กที่ยาวถึง
130 เมตร ซึ่งจำลองรูปร่างมาจากกระดูกสันหลังของงู เป็นสะพานที่ทอดยาวพานักท่องเที่ยวลัดเลาะจากพื้นเบื้องล่างขึ้นไปเรื่อยๆ
จนได้มีโอกาสไปคุยกับยอดต้นไม้รูปร่างแปลกตาที่เกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นในชีวิตนี้แบบนานาพันธุ์
St Jame Beach
ย่านชานเมืองของ cape town ที่โดดเด่นในเรื่องความสดใสที่สดใส ซึ่งบ้านหลังเล็กๆ สีสันโดดเด้งที่เห็นนี้แท้จริงแล้วมันคือที่อาบน้ำริมหาด False
Bay ที่อยู่ระหว่างฝั่งทะเลและภูเขาสูงชัน
ทำให้เราได้เห็นวิวอันแปลกตาอันไฉไลควรค่าแก่การเดินทางมายืนหมุนตัวแล้วรัวชัตเตอร์
Cape Town City
นอกเหนือจากอันดับหนึ่งในเมืองที่ถูกจัดอันดับว่ามีความหลากหลายมากทีสุดเมืองหนึ่ง
ที่นี่ยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองแห่งดีไซน์อีกด้วย
ดังนั้นตลอดระยะเวาที่เดินเล่นในเมืองนี้ ซึ่งความเก๋ ปลายสัปดาห์นี้เรียกได้ว่าแทรกซึมอยู่ในคาเฟ่ ร้านอาหาร
สถานบันเทิงต่างๆที่ มีให้เลือกทั้งเล็กทั้งใหญ่ เพราะฉะนั้นถ้าจะมาเมืองนี้แนะนำให้เตรียมชุดมาให้ดีๆ
จะได้มีเปลี่ยนแบบไม่ซ้ำเหมือนลางานมาเที่ยวสักปีนึง
The Cape Wheel หรือ Victoria & Alfred
waterfront
อีกหนี่งมุมของ cape town ที่แสนจะน่ารัก
โรแมนติค คึกคัก สดใส และควรมาลองคือ The Cape Wheel ชิงช้าสวรรค์ที่สูง
40 เ มตร กับ 30 ชิงช้า อันโตนี้จะทำให้ได้เห็นวิวของเมืองแบบ 360 องศา โดยเฉพาะจุดสำคัญๆ ของเมืองไม่ว่าจะเป็น หอนาฬิกา
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ และยอดเขาสิงโต รวมถึงร้านค้าต่างๆ ได้อย่างชัดเจน
ที่สำคัญมีชิงช้าสำหรับรถเข็น เป็นมิตรจะทุกคนทุกสภาวะจริงๆเมืองนี้
พอลงมาจากชิงช้าเสร็จ เราก็แนะนำให้เดินเล่นในโซน Victoria & Alfred
waterfront ที่อยู่ตรงบริเวณชิงช้า เพราะตรงนี้จะเป็นเหมือนคอมมูนิตี้โซนริมชายฝั่ง ที่มีร้านรวงต่างๆ มากมาย
จะแวะกิน แวะช้อป แวะถ่ายรูปก็มีให้เลือกทำแบบครบๆ
Cape Point
จุดชมวิวที่จะทำให้แกรู้สึกเหมือนได้ยืนอยู่ที่สุดขอบโลก
มันคือแหลมสูงชันที่ยื่นตัวออกไปในทะเล ที่ สามารถเดินรับลมไปเรื่อยๆ
ได้อย่างสบายๆ เพราะลมทะเลมันแสนสดชื่น และยิ่งช่วงเราไปอากาศต่ำกว่า 20
องศาทุกวัน เพราะที่นี่คือหนึ่งในจุดชมวิวที่ได้รับการยกย่องว่าสวยที่สุดในโลก สามารถใช้เวลาหมดไปกับที่นี่ได้อย่างยาวนานจนไม่น่าเชื่อ ความสวยงามของน้ำทะเล
กลิ่นเค็มๆ กับเสียงคลื่นที่ดังกระทบหน้าผา
ทุกอย่างร้อยเรียงกันเหมือนกับบทเพลงที่กำลังบรรเลงอยู่
Cape of Good Hope
ในอาณาบริเวณเดียวกับ Cape Point จะมีจุดที่เรียกว่า
Cape of Good Hope ที่นี่คือปลายด้านใต้สุดของแอฟริกาใต้
เป็นจุดที่นักเดินทางชาวโปรตุเกส Bartolomeu Dias ค้นพบทวีปแอฟริกาใต้ในปี
1488
ระหว่างที่เขากำลังเดินทางกลับจากการเดินทางเพื่อหาส่วนที่อยู่ใต้สุดของทวีปแอฟริกา
จุดนี้อยู่ไม่ไกลมากนักกับ cape poit เมื่อมาแล้วก็ควรมาทั้งสองจุด อย่างน้อยจะได้รู้สึกว่าการยืนอยู่บนจุดประวัติศาสตร์ และถึงแม้ว่าที่นี่จะสวยไม่เท่าอีกด้านเพราะมันเป็นด้านลมแรงกระหน่ำ
แต่มันก็มีเจ้าตัวบีเวอร์ สัตว์ฟันแทะตัวกลางๆ น่ารักๆ
อยู่เป็นแบบให้เราถ่ายรูปเต็มไปหมด
Muizenberg Beach
ชายหาดริมฝั่งชานเมืองของ cape town ที่เป็นอีกหนึ่งจุดฮิตของนักท่องเที่ยวที่รักในการเล่น
surf เพราะคลื่นลมแรงได้ใจคนที่รักในความท้าทายจากเกลียวคลื่นได้เป็นอย่างดี แต่สำหรับเราที่ไม่มีความสามารถทางด้านกีฬา แค่ว่ายท่าหมาได้ก็นับว่าเก่ง
การได้มาที่นี่ก็จะมีความสุข แถมที่นี่ก็ยังมีบ้านหลังเล็ก หลากสีสรรที่เอาไว้อาบน้ำเปลี่ยนผ้าให้เรามาเดินถ่ายรูปเล่นได้อีกเช่นกัน พอตกค่ำนักกีฬาเริ่มพับบอร์ดบริเวณที่ก็จะคึกคักไปด้วยสถานบันเทิงยามค่ำคื่นให้เราได้ดื่ม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น