วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2562

เที่ยววังน้ำเขียว ชมไร่องุ่น ปากช่อง โคราช สบายใจที่สุด



                 โคราชหรือนครราชสีมาหรืออีกชื่อที่เรียกกันนั้นก็คือเมือง ย่าโม เป็นปากทางเข้าสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยสดงดงาม เนื่องจากพื้นที่ที่ประกอบด้วยเนินเขา ที่ราบสูง จึงมีอากาศที่เย็นสบาย เหมาะแก่พักผ่อน และทำเกษตรกรรม และได้ผลผลิตที่ดีมีคุณภาพ เช่น ไร่องุ่นที่มีอยู่หลายแห่ง บางแห่งเปิดให้เข้าชมภายในสวน อย่างเช่นที่ ไร่สุพัตรา ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลกลางดง อำเภอปากช่อง นครราชสีมา เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากองุ่นหลากหลายรายการทั้งสดและแปรรูป อยู่บนพื้นที่ประมาณ 50 ไร่


     ที่นี่เปิดให้เราผู้ที่ชอบท่องเที่ยวเข้าไปชมไปถ่ายภาพกับพวงองุ่น เลียบแปลงองุ่น ส่วนองุ่นนั้นสามารถซื้อได้ภายในร้าน ไร่องุ่นของที่นี่มี 5 สายพันธุ์ได้แก่ พันธุ์ไข่ปลาคาเวียร์ พันธุ์แบล็คไนท์ พันธ์ลูฟพาเลท พันธุ์บิ๊กแบล็ค พันธุ์ชีราส ปลูกสับเปลี่ยนกันไป การปลูกองุ่นที่ไร่แห่งนี้จะทำเป็นคานยาวพาดบนเสาเรียงกันเป็นแถวประมาณร้อยเมตรมีหลายแถว แต่ละแถวมีช่องว่างกว้างเท่า ๆ กัน ต้นองุ่นสูงจากพื้นประมาณ 1.5 เมตร จากบริเวณแปลงองุ่นสามารถมองเห็นวิวทิวเขาอยู่ไม่ไกล หากสนใจเกี่ยวกับการปลูกองุ่น การผลิตและการแปรรูปองุ่น หรือต้องการชมภายในไร่ สามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ได้ หลายคนๆ คงชอบการที่มีความฝันที่ต้องการมีสวน องุ่นเล็กเก๋ ไว้ให้ชื่นตาสบายใจ


     หลังจากชมไร่องุ่นที่สวยงามแล้วก็มาชมร้านค้าของไร่สุพัตราที่มีผลิตภัณฑ์จากองุ่นมากมายหลายรูปแบบให้เลือกสรร ไม่ว่าจะเป็นองุ่นสดจากไร่ หวานมากน้อยตามสีสัน น้ำองุ่นสดๆ หอมหวาน น้ำองุ่นปั่น ไอสกรีมองุ่น กระหรี่พั๊ฟไส้องุ่น และไวน์องุ่นดีมีคุณภาพ และผลิตภัณฑ์อบแห้งจากองุ่นก็มีหลายรูปแบบให้เลือกซื้อ อ่ ดึงดูดนักท่องเที่ยว ถ่ายภาพ เช็คอิน

     การเดินทางไปยังไร่สุพัตราก็ไม่ยาก สถานที่ตั้ง เลขที่ 59/2 ม. 2 ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา บนถนนมิตรภาพ กม.152 แยกซ้ายไปประมาณ 800 เมตร ท่านสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: ไร่องุ่นสุพัตรา อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ยังไงไปแล้วช่วยมาคอมเม้นว่าสนุกไหม  ยังไงเที่ยวแล้วมาบอกกันด้วยนะครับ

วันเสาร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2562

ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย จ.สุพรรณบุรี


จุดเริ่มต้น และที่มาก่อนจะเป็น ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย 
จากจีนแผ่นดินใหญ่  บิดาและมารดาของ คุณพิชัย เจริญธรรมรักษา (เฮียใช้ ) หนีความแห้งแล้งเข้ามาตั้งรกรากที่ตำบลสวนแตง และย้ายมาอยู่ที่ อู่ยาในเวลาต่อมา มารดาประกอบอาชีพ หาบของแลกข้าวเปลือก ขายข้าวแกง ร้านกาแฟ และร้านขายของชำ ตามลำดับ เมื่อเฮียใช้เติบโตขึ้น ได้เข้ามาช่วยครอบครัวในการรับซื้อข้าวเปลือก ในปี พ.ศ. 2540 ครอบครัวได้ตัดสินใจเปลี่ยนอาชีพ จากรับซื้อข้าวเปลือกมาเป็นการรวบรวมเมล็ดพันธุ์ข้าวเพื่อการค้าโดยมีลูกๆคอยช่วยดูแล ภายใต้เครื่องหมายการค้า "เฮียใช้เมล็ดพันธุ์ข้าว"


ผู้ก่อตั้งศูนย์เรียนรู้วิถีชิวิตและจิตวิญาณชาวนาไทย 
นายนิทัศน์ เจริญธรรมรักษา บุตรชาย ของเฮียใช้ หลังจากจบมัธยมศึกษาตอนปลายได้ออกมาช่วยบิดาประกอบอาชีพรับซื้อข้าวเปลือกในปี พ.ศ.2534 ต่อมาได้ค้นพบว่าตัวเองไม่เหมาะสมกับอาชีพนี้จึงได้ตัดสินใจเปลี่ยนอาชีพ จากซื้อข้าวเปลือกมาเป็นการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว ในปี พ.ศ. 2540 โดยเริ่มทำจากจุดเล็กๆ เรียนรู้ลองผิดลองถูกค้นหาเกษตรกรที่มีความขยันซื่อสัตย์ พัฒนาระบบเมล็ดพันธุ์ข้าวเพื่อที่จะนำมาซึ่งเมล็ดพันธุ์ข้าวที่มีความบริสุทธิ์สูง ได้มีความคิดริเริ่มก่อตั้งศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทยขึ้น เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลสำหรับผู้ที่มีความสนใจศึกษาหาความรู้เรื่องข้าว และวิถีชีวิตชาวนาไทยในอดีต เพื่อเป็นการตอบแทนชาวนาผู้มีพระคุณ และแผ่นดินเกิด


สถานที่น่าสนใจภายในศูนย์เรียนรู้วิถีชิวิตและจิตวิญาณชาวนาไทย
เรือนศูนย์รวมดวงใจไทยทั้งชาติ เรือนแห่งคุณค่าจากความตั้งใจในการแสดงความจงรักภักดีต่อพ่อหลวงของแผ่นดิน เรือนหลังนี้ได้สร้างสรรค์รูปแบบที่มีความโดดเด่นงดงามเป็นพิเศษ ภายในมีการจัดแสดงพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครั้งเสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติ พระบรมฉายาลักษณ์ในพระราชกรณียกิจต่างๆ จัดแสดงพระบรมรูป และพระบรม
สาทิสลักษณ์ราชวงศ์จักรี ตั้งแต่รัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 9 และนอกจากนั้น ยังมีรูปบุคคลสำคัญๆที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อการพัฒนาวงการข้าวไทย การสร้างศูนย์การเรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย ทั้งข้าราชการและประชาชนซึ่งเป็นบุคคลสำคัญยิ่งเรือนหลังนี้ คือเรือนแห่งคุณค่าทางจิตใจ

 ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย  นาเฮียใช้
แปลงนาสาธิต การสาธิตชนิดพันธุ์ข้าวนาปรังทุกชนิดที่นิยมปลูกในปัจจุบัน สาธิตการอนุรักษ์การพัฒนาพันธุ์ข้าว เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้เยี่ยมชม และชาวนาได้มีความรู้ในการเลือกพันธุ์ข้าวได้อย่างเหมาะสม โดยแปลงนาสาธิตนี้จะทำการปักดำทุกวันที่ 1 ของเดือน ด้วยกล้าเพียงต้นเดียว ต่อ 1 กอ เพื่อให้เห็นความสามารถในการแตกกอของต้นข้าว และ
ให้ชาวนาได้ศึกษาในทุกระยะการเติบโตของข้าว


 ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย  นาเฮียใช้
เรือนวิถีชีวิตชาวนาไทยในอดีต การก่อสร้างเรือนไทยด้วยความประณีตวิจิตรบรรจง การออกแบบที่คงเอกลักษณ์ความเป็นไทย ด้วยรูปทรงประกอบด้วยเรือนไทย 3 หลัง คือ เรือนไทยหลังใหญ่ เรือนลูกซ้าย เรือนลูกขวา และครัวไฟ อันเป็นสถานที่ประกอบอาหารในอดีต เรือนวิถีชีวิตชาวนาไทยในอดีต เป็นเรือนไทยยกพื้นสูง ใต้ถุนเป็นสถานที่จัดแสดงอุปกรณ์เครื่องใช้ในอดีต เช่น อุปกรณ์หีบอ้อย ซึ่งรวบรวมไว้หลายแบบ แสดงถึงภูมิปัญญาไทยในการออกแบบ


ขอขอบคุณภาพและข้อมูล : http://www.suphan.biz/herechai.htm

Brand New Field Good ร้านใหม่ที่พึ่งเคยไปมา


สวัสดีวันเสาร์ เราไปเที่ยวไหนกันดี  อยากไปชิวที่ไหนสักแห่ง นอกตัวเมืองเชียงใหม่ แถวๆสะเมิง คือจุดหมายปลายทาง ที่ไม่ว่าจะเป็น นักปั่นจักรยาน นักท่องเที่ยว หรือใครที่อยากชิว ต่างก็มุ่งตรงไปเส้นทางเส้นทางนี้กัน

 วันนี้ เราขอเสนอ สถานที่ชิวๆ สบายๆ  ร้านอาหาร แบรนด์นิวฟีวกู๊ด Brand New Field Good  ร้านอาหารเล็กๆ ของนักร้องดังที่เพิ่งแต่งงาน คุณนิว เดอะสตาร์ กับ เป๊ก เปมนัส นั่นเอง



เราขับรถออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ ประมาณ 40 นาที ก็ถึงร้านแบรนด์นิวฟีวกู๊ด  แต่มีจะมีเส้นทาง งงๆ หน่อยๆ เพราะมัวแต่ดูสิ่งสวยงามรอบข้าง ชื่นชมธรรมชาติ  ที่ร่มรื่น เย็นสบาย และเต็มไปด้วยจุดที่น่าแวะหลายที่ ร้านอาหารตกแต่งน่ารักๆ มากมาย

ทางเข้าไปร้าน แบรนด์นิวฟิวกู๊ด จะมาทางเดียวกับวัดบ้านปงอรัญญาวาส  เลี้ยวมาตามทางเลยครับ เจอวัด ก็หาที่จอดรถได้เลย อยากจะบอกว่า วัดนี้สวยมากๆ  แต่ด้วยวันที่เรามามันตรงกับวันหยุด คนเลยค่อนข้างเยอะ ก็เลยไม่ได้ไปเยี่ยมชมภายในวัด แต่ดูจากข้างนอก สวยมากๆเลย


ก่อนเดินเข้าสู่ร้านแบรนด์นิวฟิวกู๊ด  จะมีชาวบ้านขายของเล็กๆน้อย เช่น เครื่องดื่ม ลูกชิ้น ผลไม้ ตลอดจนของที่ระลึกในราคาไม่แพง อุดหนุนกัน สบายกระเป๋า

ทางเข้า จะมีป้ายสะพานฮอมฮัก ที่นักท่องเที่ยวจะต้องมาแชะกันในจุดแรก  สะพานฮอมฮัก เป็นสะพานไม้ไผ่ ที่ชาวบ้านช่วยกันสร้างก็จะเป็นจุดเด่นของทีนี่ เป็นสะพานทางเดินยาวๆ ปกติจะผ่านทุ่งนา แต่ช่วงนี้ ข้าวเก็บเกี่ยวกันไปแล้ว ก็จะกลายเป็นการปลูกถั่วมาทดแทน ซึ่งความสีเขียวจากต้นถั่วก็จะทำให้บรรยากาศสวยงามไปอีกแบบที่ไม่ค่อยได้เห็น

เดินมาถึงโซนร้านอาหาร เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก คิวก็เลย ยาวไปหน่อย เราก็เลยเลี่ยงมาหามุมถ่ายรูปกันก่อน มีจุดให้นั่ง สามสี่จุดเลยค่ะ  ไม่ว่าจะเป็น ลานกว้างๆ  หรือ โซนที่นั่ง 2 ชั้น หรือ จะเป็นโซนคล้ายๆ โรงนา และด้านหลังก่อนถึงห้องน้ำติดกับสวนของชาวบ้านฝั่งด้านหลัง  เลือกได้ตามใจชอบ ใครจะไปแชะรูปถ่ายกันกลางทุ่ง เ เป็นไม้ไผ่ผูกผ้าสีขาวแจ่มๆ ใครสายถ่ายภาพไม่ควรพลาดนะครับ


พิกัด ร้านแบรนด์นิวฟิวกู๊ด บ้านปง อ.หางดง จ.เชียงใหม่  อยู่ติดกับ วัดบ้านปงอรัญญาวาส
เบอร์โทร ร้านแบรนด์นิวฟิวกู๊ด 097 978 8456
เวลาเปิด-ปิด ร้านแบนรด์นิวฟิวกู๊ด หยุดทุกวันอังคาร  10.00-18.00 น.  ศ-ส อา เปิดถึง 21.00 น.

ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : http://www.chillnaid.com/23232/

วันศุกร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2562

ไปเที่ยว "ตลาดน้ำกวางโจว" เมือง เพชรบุรี


เพชรบุรีเป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายตามสภาพภูมิประเทศ และสถานที่หนึ่งที่ได้นำธรรมชาติกลางป่ามาผสมผสานกับวิถีชีวิตของชนพื้นถิ่นที่อยู่ริมเขา ทำเป็นตลาดน้ำกลางป่าแห่งแรกของไทย คือตลาดน้ำกวางโจว ที่ตั้งอยู่ที่อำเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี

     เดิมสถานที่นี้เป็นพื้นที่แห้งแล้งที่เป็นไร่สับปะรด หลังจากมีโครงการพระราชดำริฯ ของในหลวงรัชกาลที่ 9 เกิดขึ้น สถานที่นี้จึงสามารถพัฒนาที่ดินจนปลูกพืชผักอื่นได้ มีป่า มีน้ำ เกิดเป็นวิสาหกิจชุมชนและการท่องเที่ยวเชิงเกษตร บุคคลทั่วไปมีค่าเข้าชม 25 บาท


     ที่มาของชื่อตลาดน้ำกวางโจวนั้น คำว่ากวางโจวเป็นภาษากะเหรี่ยง กวางคือสัตว์ป่าทั่วไป โจวแปลว่าใหญ่ หรือพี่คนโต รวมความว่า ที่นี่เป็นที่อยู่ของกวางตัวใหญ่ในสมัยก่อน ภายในตลาดเป็นร้านค้าของชาวบ้านใกล้เคียงนำผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติของตนมาจำหน่าย เช่นน้ำส้มควันไม้ใช้ประโยชน์ในทางการเกษตร มันสดๆ จากไร่ กาแฟป่ากับเรื่องเล่าของชาวบ้านที่ไปเจอต้นไม้ชนิดหนึ่งมีผลสีแดงคล้ำสงสัยว่าเป็นกาแฟแต่ไม่ทราบสายพันธุ์ เมื่อมาคั่วและชงแบบกาแฟจึงกลายเป็นกาแฟป่าแบบเข้มๆ หอมกลิ่นธรรมชาติเป็นเอกลักษณ์ ไข่ปิ้งเตาถ่าน ผักผลไม้ที่สดมากๆ ขนมหวานเมืองเพชร เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม เครื่องจักสาน


 ภายในมีจุดชมวิวน้ำตกแก้มลิง ลานเล่นน้ำบริการฟรี แพสปาปลาจากปลาธรรมชาติฟรี ให้บริการรับประทานอาหารบนแพ ไหว้ต้นไทรรักษาต้นไทรศักดิ์สิทธิ์ ทำบุญกล่องให้ทานซื้ออาหารให้กระรอกป่า เที่ยวแวะชิมอาหารคาวหวานที่ใส่ภาชนะกระบอกไม้ไผ่ที่ประดับตกแต่งอย่างสวยงามน่ารับประทาน หรือจะนั่งเรือชมทิวทิศน์ภายในตลาดน้ำก็มีบริการ ตลาดน้ำกลางป่า น้ำตกกวางโจวจึงเป็นตลาดน้ำที่ครึกครื้นครบครันและใกล้ชิดธรรมชาติเป็นอย่างมาก


ขอขบคุณรูปภาพและข้อมูลจากเว็บดีๆ : https://travel.thaiza.com/guide/420776/

ชวนชมงานเชียงรายดอกไม้งาม ครั้งที่ 15


          อากาศที่กำลังเย็นสบายแบบนี้คุณคิดที่จะไปเที่ยไหน ช่วงปลายปีแบบนี้ อะไรมีอะไรสนุกมากไปกว่ามองหาที่เที่ยวสวย ๆ สักที่ไปเช็กอิน หรือทำกิจกรรมอะไรเพื่อเป็นการต้อนรับหน้าหนาวดี ขอแนะนำการเที่ยวที่นี้เลย  นั่นก็คือ งานเชียงรายดอกไม้งาม ครั้งที่ 15  จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2561 – 31 มกราคม 2562 ณ สวนตุงและโคมนครเชียงราย จังหวัดเชียงราย 


         ภายในงานนักท่องเที่ยวจะพบกับกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย และพบกับดอกไม้นานาชนิด อย่างดอกทิวลิปและดอกลิลลี่ ที่พร้อมกันบานอวดโฉม ให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมกับสีสันความสวยงามกันแบบไม่รู้เบื่อ รวมถึงเพลิดเพลินกิจกรรมดนตรีในสวน Music in the park (ทุกวันเสาร์) พร้อมกับศิลปินชื่อดังมากมายที่จะมาขับกล่อมผลงานเพลงเพราะ ๆ ให้ได้ฟังท่ามกลางดอกไม้ในสวน



         นอกจากความสวยงามของดอกไม้ที่เคล้าไปกับบรรยากาศสุดโรแมนติกแล้ว การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ยังมีความพิเศษตรงที่จัดตรงกับช่วงเดียวกับ "น้ำกกเกมส์" หรือการแข่งกีฬาคนพิการแห่งชาติ ครั้งที่ 36 (ระหว่างวันที่ 18-22มกราคม 2562) จึงมีทั้งนักกีฬา ผู้ติดตาม และนักท่องเที่ยว เข้ามาท่องเที่ยวเชียงรายเป็นจำนวนมาก แน่นอนเลยว่าดอกไม้ที่นำมาจัดแสดงครั้งนี้ จะต้องมีความพิเศษมากพอที่จะทำให้ทุกคนรู้สึกประทับใจอย่างแน่นอน


         นักท่องเที่ยวคนไหนสนใจเข้าร่วมงานเชียงรายดอกไม้งาม ครั้งที่ 15 สามารถเข้าร่วมงานได้ฟรี !!! ตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2561 - 31 มกราคม 2562 และกิจกรรมดนตรีในสวน ทุกวันเสาร์ เริ่มวันเสาร์ที่ 29 ธันวาคม 2561 - วันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2562 เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00-22.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 0 5371 1333 หรือ เฟซบุ๊ก งานเชียงรายดอกไม้งาม ครั้งที่ 15เชียงรายดอกไม้งาม เทศบาลนครเชียงราย


ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : https://www.facebook.com/tourism.cri/


ไปทำบุญกันหรือยัง " วัดแสงแก้วโพธิญาณ "


วัดแสงแก้วโพธิญาณ” ตั้งอยู่บนดอย “ม่อนแสงแก้ว” ตำบลเจดีย์หลวง อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย
วัดแห่งนี้ มีขนาดพื้นที่ประมาณ 29 ไร่เศษตั้งอยู่บนเนินดอยห่างจากหมู่บ้านประมาณ 1.5 กิโลเมตร มีทัศนียภาพที่สวยงามมองลงมาเห็นทั้งตัวอำเภอแม่สรวย และหลายตำบลของอำเภอแม่สรวย การเดินทางก็สะดวกสบาย มีถนนลาดยางไปถึง ง่ายมาก สำหรับใครที่ นำรถไปให้ไปจอดด้านตรงข้ามวัดเข้าจะมีลานจอดรถขนาดใหญ่ ไว้คอยให้บริการพุทธศาสนิกชน จากนั้นจึงเดินเข้าสู่ตัววัดพระธาตุแสงแก้วโพธิญาณ
ภาพแรก ของคนที่มาครั้งแรก ไม่มีใคร ไม่อ้าปากค้าง กับภาพความวิจิตร งดงาม อลังการ กับภาพตรงหน้า และต้องหยุดยืนถ่ายภาพมุมกว้าง ที่เห็นทั้งลานวัด และพระพุทธรูป เจดีย์ บันไดนาค ที่อยู่เหลื่อมล้ำ กันขึ้นไปเป็นทอดๆ
มาพูดถึงประวัติของ วัดแสงแก้วโพธิญาณ กันสักเล็กน้อย วัดนี้ สร้างขึ้น เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 โดยท่านพระครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต คณะศรัทธาบ้านป่าตึง และศิษยานุศิษย์ เพราะต้องการจะมีวัดใหม่ที่สะดวกต่อการทำบุญของญาติโยม จึงได้คิดสร้างวัดใหม่ขึ้นมาเพื่อเป็นพุทธสถาน เป็นแหล่งยึดเหนี่ยวจิตใจ ของพุทธศาสนิกชน พ่อหลวงยา ศรีทา ได้เชิญเจ้าของที่ดินซึ่งเป็นผู้มีฐานะดีมาพบกับท่านครูบา อริยชาติ เพื่อพูดคุยปรึกษา หารือในเรื่องการสร้างวัดบนของที่ดินผืนนี้ เจ้าของที่ดินได้ถวายที่ดินประมาณ 19 ไร่เศษให้กับท่านครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโตเพื่อสร้างวัดอย่างง่ายดาย เมื่อศิษยานุศิษย์ คณะศรัทธาและผู้ที่นับถือ ท่านครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต ทราบข่าวการสร้างวัด ได้แสดงความจำนงค์ในการร่วมสมทบทุน สร้างวัดเป็นจำนวนมาก

สำหรับ การออกแบบวัดนี้พระครูบาอริยชาติ อริยจิตโต ท่านออกแบบเป็นชั้นๆ ชั้นแรกเมื่อเข้ามาจะเห็นรูปเหมือนแทนพระพุทธเจ้า 4 พระองค์ คือ พระกกุสันธพุทธเจ้า พระโกนาคมนพุทธเจ้า พระกัสสปพุทธเจ้า พระโคตมพุทธเจ้า มีสิงห์คู่ตัวใหญ่ เดินขึ้นมาถึงชั้นที่ 2 เป็นพุทธาวาสเป็นเขตของพระพุทธเจ้า เป็นที่ทำสังฆพิธีต่างๆ มีอุโบสถ วิหาร หอไตร มีปราสาท 16 หลัง แทนพรหม 16 ชั้น มีศาลา 16 ห้อง แทน 16 ชั้นฟ้า ชั้นที่ 3 เป็นชั้นที่ตั้ง กุฏิ ของพระครูบาอริยชาติ และเป็นที่ตั้งขอพรจากท่านเทพทันใจ แม่นางกวัก แม่กระซิบ อีกทั้งยังเป็นที่ให้เช่าบูชา วัตถุมงคลต่างๆ ของทางวัด มีศาลาเอนกประสงค์ไว้สำหรับพักผ่อน กับบรรยากาศที่ร่มรื่น หอฉัน ห้องน้ำ ก็อยู่ในชั้นนี้ด้วย
ขึ้นต่อไปชั้นที่ 4 เป็นการจำลองเรื่องโลกและจักรวาลด้านหน้าของทางเข้ามี เทพนพเคราะห์ 9 องค์ ก่อนเข้าวงเวียนเจอ ยักษ์หลับและยักษ์ตื่น แทนกลางคืนและกลางวัน
เรียกได้ว่า ทุกสิ่งก่อสร้าง ทุกสถาปัตยกรรม และทุกประติมากรรม จะมีความหมายทางธรรมะ แฝงอยู่เสมอ ผู้ที่มากราบพระ ไหว้พระขอพร ที่วัดนี้ ก็จะได้ไขปริศนาธรรมไปด้วยอย่างเพลิดเพลิน
มาถึงความรู้สึกส่วนตัวของแอดมินหลังจากที่ได้ไปเยี่ยมชมวัดแห่งนี้ คือต้องยอมรับว่าสถาปัตยกรรมอลังการงานสร้างจริงๆ วัดกว้างมากก เดินเหนื่อยเอาเรื่องนะ (แดดร้อนด้วยฮ่าๆ) ระหว่างการเดินรอบๆวัดก็จะมีสถาปัตยกรรมต่างๆให้ได้ชมแบบไม่มีเบื่อกันเลยทีเดียว


วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2562

สวัสดี เชียงคาน


    ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่คนนิยมไปเที่ยวกันเลยก็ว่าได้ "เชียงคาน"
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถเที่ยวได้ทั้งปี ไม่ว่า ฤดู ร้อน ฝน หนาว ก็สามารถมาเที่ยวได้ทั้งปี สำหรับสถานที่แห่งนี้


    ช่วงฤดูหนาวของ เชียงคาน ค่อนข้างจะมีอากาศหนาวเย็น และมีหมอกในช่วงเช้า และมีบรรยากาศ ที่เหมาะแก่การพักผ่อนเป็นอย่างมาก ซึ่งบ้านเรือนที่เมืองเชียงคานจะแบ่งออกเป็นซอยเล็กๆ โดยเป็น ชุมชนบ้านไม้อายุ ๑๐๐ ปี ที่เรียกว่า ถนนศรีเชียงคาน ตกเย็นก็จะมีถนนคนเดินให้นักท่องเที่ยวได้มาเลือกซื้อสินค้าและของพื้นเมืองต่างๆ มากมาย ท่ามกลางลมหนาว มีวิวทิวทัศน์ริมฝั่งโขงอันงดงาม ห้อมล้อมไปด้วยผู้คนที่เป็นมิตรด้วย

    โดยในช่วงฤดูหนาวที่ เชียงคาน นั้น จะมีจุดชมวิวทะเลหมอกที่เรียกว่า ภูทอก ซึ่งจุดชมวิวที่มีชื่อเสียงคอยต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาชมความงามของทะเลหมอกอย่างไม่ขาดสาย 


    โดยภูทอกนั้นจะมีลักษณะเป็นภูเขาสูง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง ซึ่งบนยอดภูเป็นที่ตั้งของสถานีโทรคมนาคมเชียงคาน ที่ถือว่าเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามแห่งหนึ่งของอำเภอเชียงคาน และเป็นลำน้ำโขงได้โดยรอบ  ตั้งอยู่บนถนนสายเดียวกันกับแก่งคุดคู้ ตามเส้นทางหมายเลข ๒๑ ไปทาง อำเภอปาดชม ระยะทางของ ภูทอก จะอยู่ห่างจาก ตัวอำเภอ เชียงคานประมาณ 3 กิโลเมตร ทั้งนี้ การเจอหมอกมากน้อยหรืออาจจะไม่เจอเลย ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละวันด้วย




     การเดินทางและเส้นทางไปเชียงคาน

   วิธีที่ 1. เดินทางโดย รถยนต์

การเดินทางจากกรุงเทพฯ ให้ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) จะผ่านตัวเมืองสระบุรี ตรงเข้าทางหลวงหมายเลข 21 ผ่านจังหวัดเพชรบูรณ์ และตรงเข้าทางหลวงหมายเลข 203 ผ่านอำเภอหล่มสัก หล่มเก่า จะเข้าเขตจังหวัดเลย ที่อำเภอด่านซ้าย อำเภอภูเรือ เมื่อถึงตัวจังหวัดเลยจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 7 - 8 ชั่วโมง หรือ และจะใช้เส้นทาง จากจังหวัดสระบุรี ใช้ทางหลวงหมายเลข 2 มิตรภาพ โดยผ่านจังหวัดนครราชสีมา ถึงจังหวัดขอนแก่น แล้วเลี้ยว ซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 12 ผ่านอำเภอชุมแพ จะใช้เส้นทางหมายเลข 201 เพื่อเข้าเขตจังหวัดเลย ที่อำเภอภูกระดึง อำเภอวังสะพุง ถึงตัวจังหวัดเลยได้เช่นเดียวกัน

วิธีที่ 2. เดินทางโดยรถโดยสารประจำทาง

สำหรับบริษัท ขนส่ง จำกัด ก็มีรถโดยสารประจำทางวิ่งระหว่างกรุงเทพฯ - เลย ทุกวัน ทั้งรถธรรมดาและรถปรับอากาศ ใช้เวลาประมาณ 10 ชั่วโมง มีรายละเอียดสอบถามที่ สถานีขนส่งสายอีสาน ที่ถนนกำแพงเพชร 2 (หมอชิต 2) โทร. (02) 936-0667, 936-0657

วิธีที่ 3. เดินทางโดยรถไฟ

การรถไฟแห่งประเทศไทย มีรถไฟไปจังหวัดอุดรธานีและขอนแก่น สามารถต่อรถยนต์ไปจังหวัดเลยได้อีกต่อหนึ่ง รายละเอียดสอบถาม หน่วยบริการเดินทาง สถานีรถไฟกรุงเทพฯ โทร. 233-7010, 223-7020

ขอบคุณข้อมูลและบทความดีๆจาก : Sanook   https://www.sanook.com/travel/1396933/

เที่ยววังน้ำเขียว ชมไร่องุ่น ปากช่อง โคราช สบายใจที่สุด

                 โคราชหรือนครราชสีมาหรืออีกชื่อที่เรียกกันนั้นก็คือเมือง ย่าโม เป็นปากทางเข้าสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นจังหวัดหนึ่งที...