วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ไปเที่ยว “สวิตเซอร์แลนด์” แบบโนฟิวเตอร์


ไปเที่ยว “สวิตเซอร์แลนด์” แบบโนฟิวเตอร์


ที่นี่คือดินแดนในฝันสวรรค์บนดินที่ไม่เคยเชื่อว่าจะมีจริง ดินแดนที่ผสานความสวยงามระหว่างความอุดมสมบูรณ์  ของผืนดินและความขาวกระแทกตาของหิมะได้อย่างลงตัว ดินแดนขนาดเล็กที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล ดินแดนที่เป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพ ผืนธงชาติสีแดง มีกากบาทสีขาวอยู่กึ่งกลาง ดินแดนชวนฝันสุดแสนโรแมนติก ที่จะทำให้ตั้งแต่ก้าวแรกจนถึงก้าวสุดท้ายที่เหยียบในประเทศนี้มีแต่ความประทับใจ ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้ “สวิตเซอร์แลนด์”




1 Lauterbrunnen
เริ่มกันที่แรกกับ Lauterbrunnen หมู่บ้านที่เป็นเสมือนประตูเชื่อมไปยังจุดท่องเที่ยวต่างๆ ในเทือกเขาแอลป์   แต่เพราะทัศนียภาพอันสวยงามจึงทำให้เหล่านักเดินทางพลาดไม่ได้ที่จะหยุดพักที่หมู่บ้านเล็กๆ ในรัฐแบร์น  แห่งเมืองอินทาลาเคิลแห่งนี้ ภาพน้ำตกจากหน้าผาสูงชันที่โอบล้อมหมู่บ้านว่าสวยแล้ว ยิ่งพอเราไปหลังฝนตกใหม่ๆ สายหมอกบางๆ ที่ปกคุมเหนือยอดไม้และบ้านเรือนเสริมทำให้ภาพตรงหน้ากลายเป็นสวยกำลังสอง 




2 Rhine Falls
น้ำตกไรน์ น้ำตกสีเขียวมรกตแห่งนี้คือน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป  ตั้งอยู่บนบริเวณแม่น้ำไรน์ ทางเหนือของนครซือรีส อีกหนึ่งสถานที่สุดอลังการงานสร้าง ที่ภาพบรรยากาศที่นักท่องเที่ยวออกมาเดินรับลมชิวชิวถ่ายรูปก็เป็นอีกหนึ่งภาพแห่งความประทับใจ นอกจากความสวยงามแล้วที่นี่ยังมีร้านอาหาร สนามเด็กเล่น สนามหญ้าที่เป็นเหมือนศูนย์รวมการปิกนิกของชาวเมืองอันแสนสุขสันต์ สวนนักท่องเที่ยวอย่างเราสามารถเลือกได้ว่าจะยืนมองน้ำตกอยู่ที่ริมขอบกั้น หรือจะเลือกนั่งเรือไปขึ้นเกาะกลางน้ำเพื่อยืนชมน้ำตกแบบใกล้ชิด หรือจะเลือกนั่งเรือไปประชิดละอองน้ำตกจนหน้าเปลียก ก็มีหลาย Package หลาย Option ให้เลือกสรรตามแต่เงินในกระเป๋าจักบันดาล



3 Zurich City
ซือริส หรือซูริก เมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมืองที่เราบินมาลงในวันแรก เพราะที่นี่เป็นศูนย์กลางของระบบการขนส่งมวลชนของประเทศ ที่ตั้งของสนามบิน สถานีรถไฟที่ใหญ่ที่สุด และการจราจรหนาแน่นที่สุดในประเทศ  แถมที่นี่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น โบสถ์ฟราวมุนสเตอร์, หอนาฬิกาแห่งโบสถ์เซนต์ ปีเตอร์ ,โบสถ์หอคอยคู่กรอสมุนเตอร์ เขตเมืองเก่า มิวเซียม และหอดูดาวยูเรเนีย เป็นต้น ให้เดินชมกัน



นี่คือเมืองยุโรปโบราณที่มีความทันสมัยและความเป็นเมืองใหม่ที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว จุดเด่นของเมืองนี้เลยอยู่ที่รวงร้านขายของทั้งของท้องถิ่นและของแบรนด์เนม รวมถึงร้านอาหาร ร้านกาแฟแบบชิคๆ เก๋ๆ ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำไปจนถึงตรอกซอกซอย ชั้น 2 ชั้นดาดฟ้าใดๆ ก็มีให้เลือกมากมาย 


และนี่คือวิวที่พักของเราในค่ำคืนนี้ในเมืองซูริค นี่คือมุมที่เราบอกว่าเป็นสถานที่ที่วุ่นวายที่สุดในเมืองนี้ ย้ำว่าหนาแน่นและวุ่นวายที่สุดในเมืองนี้แล้ว  แต่เมื่อพยายามพิจารณาดูจากทางซ้ายทีขวาทีก็ยังรู้สึกว่าหน้าปากซอยบ้านเรายังวุ่นวายกว่านี้อีกหลายเท่านัก 



4 Titlis
เทือกเขาทิทลิส ภูเขาที่มีความสูง 3,238 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล  มีกระเช้าลอยฟ้าจากเมืองเอ็งเงิลแบร์กเมืองทางเหนือของภูเขา ให้ขึ้นกันไปแบบสวยๆ   แถมกระเช้าที่นี่ก็ไม่ใช่กระเช้าธรรมดานะจ้ะ แต่เป็นกระเช้าลอยฟ้าแห่งแรกของโลกที่สามารถหมุนรอบตัวเองได้ 360 องศา 




เมื่อกระเช้านำเราถึงยอดหิมะเราก็ต้องตกใจในสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะเห็น นั่นคือนักท่องเที่ยวอินเดีย ซึ่งทางเรางงมากว่าทำไมถึงเยอะกว่านักท่องเที่ยวจีนไปได้ แล้วความอยากรู้อยากเห็นของเราก็ทำให้ได้รู้ว่านักท่องเที่ยวอินเดียมาเที่ยวตามหนังบอล์ลิวู๊ดนั่นเอง ส่วนวิวด้านบนก็สวยงามจนตาค้างรอบที่  ก็เพราะมันเหมือนกับเรากำลังเดินอยู่บนปุยเมฆสีขาว ท่ามกลางสวรรค์อันสวยงาม พร้อมๆ กับนักท่องเที่ยวคนอื่น และคนพื้นที่ที่กำลังเล่นสกีกันอย่างสนุกสนาน



5 Luzern City
ลูเซิร์น เมืองที่ใหญ่ที่สุดในบริเวณภาคกลางของประเทศ ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ, การคมนาคม, ทางวัฒนธรรม มีแม่น้ำร็อยส์ไหลผ่านกลางเมืองทำให้ที่นี่มีทัศนียภาพและสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามไม่แพ้เมืองอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น สะพานไม้ชาเปล ย่านเมืองเก่า Modern Art Museum อ่าวลูเซิร์น หรือ Jesuitenkirch Church ให้เดินเล่นเที่ยวถ่ายรูปกันแบบเพลินๆ



อีกหนึ่งจุดเด่นที่มาเมืองนี้แล้วต้องห้ามพลาดก็คืออนุสาวรีย์สิงโตแห่งลูเซิร์น ประติมากรรมที่มีชื่อเสียงที่สุดของยุโรป ที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1821 เป็นอนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อต้องการสื่อถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันของยุโรป และเพื่อเป็นเกียรติแก่ทหารสวิสซึ่งเสียชีวิตในสมัยปฏิวัติฝรั่งเศส ในปี 1792 มีความยาวเกือบ 10 เมตร เป็นรูปสิงโตนอนรอความตายอยู่บนกองโล่และหอก มีตัวอักษรจารึกไว้เหนือสิงโตเขียนว่า “Helvetiorum fedei ac Virtuti" ซึ่งแปลว่า "แด่ความจงรักภักดีและความกล้าหาญของชาวสวิส”





6 Interlaken City
เมืองทางผ่านที่จะขึ้นไปยังยอดเขายุงเฟรายอคซึ่งเป็นจุดที่สูงที่สุดในทวีปยุโรปที่เข้าถึงได้ด้วยรถไฟ ที่นี่จึงเป็นเมืองที่เป็นจุดศูนย์กลางของสถานที่ท่องเที่ยวแบบธรรมชาติ ที่ถูกรายล้อมด้วยภูเขานับไม่ถ้วน ในเมืองนี้จึงมีจุดชมวิวที่มีชื่อเสียงและเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังเมืองนี้ห้ามพลาด ณ จุดชมวิว Harder Kulm ที่มีทั้งคาเฟ่และร้านอาหารรวมถึงระเบียงที่คล้ายสะพานยื่นยาวออกไปกลางหน้าผาทำให้เราสามารถเห็นวิวทิวทัศน์ 



7 Oeschinen Lake
ทะเลสาบเออชีเนิน ทะเลสาบในที่ราบสูงแบร์น ตั้งอยู่ในหุบเขาเออชีเนินที่ระดับความสูง 1,578 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล โดยได้รับน้ำมาจากภูเขาที่อยู่โดยรอบทั้งสี่ด้าน ทะเลสาบแห่งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของแหล่งมรดกโลกยุงเฟรา-อาเล็ทช์-บีทช์ฮอร์น ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2007  โดยตั้งแต่ที่เรายังไม่ทันขึ้นไปถึงก็สามารถพบเห็นทุ่งหญ้าสีเขียวโดยมีฉากหลังเป็นภูเขาสูง ไล่ตั้งแต่สถานีรถไฟ Kandersteg จนถึงจุดที่เราต้องเดินไปขึ้นกระเช้า ท ทุกอย่างล้วนอลังการ ทุกอย่างล้วนสวยงาม ทุกอย่างล้วนตราตรึง ไม่ว่าจะเป็นต้นหญ้าต้นไม้ โบสถ์ ภูเขา หมู่บ้าน มันดูลงตัวดูได้รับการจัดวางอย่างปราณีตเหมือนกับผลงานศิลปะชิ้นเอกโดย ศิลปินระดับโลกที่ชื่อว่าพระเจ้า


จนมาถึงจุดขึ้นกระเช้า เราก็ได้เรียนรู้กับปรัชญาชีวิตที่ว่า ชีวิตมันคือความไม่แน่นอน เพราะเราพบว่ากระเช้าจะเปิดให้บริการอีกทีในสัปดาห์ถัดไปเนื่องจากสัปดาห์นี้ เป็นฤดูหนาวที่หนาวเกินกว่าจะเปิดกระเช้าให้เราขึ้นไปได้ และหลังจากพยายามถามไถ่จากชาวบ้าน คือนอกจากกระเช้าเรายังสามารถขับรถส่วนตัวขึ้นไปได้แต่ไม่ได้เช่ามา ส่วนรถสาธารณะไม่มี ทางเดียวที่จะสามารถขึ้นไปได้ในเวลานี้คือการเดินแทรกกิ้งขึ้นเขาไป 3 กิโลเมตร 



8 Zermatt
แซร์มัท  เป็นเมืองชนบทในเทือกเขาแอลป์ ตั้งอยู่ในรัฐวาเล เมืองแห่งนี้จึงมีขึ้นชื่อลือชาในด้านการปีนเขาและสกีรีสอร์ทเป็นอย่างมาก ที่นี่จึงมีเส้นทาง เดินเขาและมีกระเช้าหลายสายให้นั่งชมวิว เพราะสวิสก็คือ สวิส เมืองแห่งเทือกเขา เพราะฉะนั้น ยิ่งเมืองไหนที่โดดเด่นในเรื่องธรรมชาติเมืองนั้นก็จะยิ่งทีความอลังการงานสร้างของภูเขาอีกร้อยเท่าทวีคูณ และเมืองนี้ก็เช่นกัน นอกจากนี้ที่ด้านล่างของเมืองยังมีความสวยงามและคุมโทนให้ออกแนวสีน้ำตาลที่เราจะรู้สึกอบอุ่นมากยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือนร้านค้าคาเฟ่ต่างๆ ส่วนมากจะทำจากไม้เป็นหลัก เหมาะแก่การเดินเล่น รับความอบอุ่นท่ามกลาง ลมหนาวแบบสวยๆ


และยอดเขาที่เป็นเสมือนจุดชมวิวที่เรียกแขกบ้านแขกเมืองให้มายังเมืองนี้ อย่างถล่มทลายก็คือ ยอดเขา Gornergrat ยอดเขาที่เป็นที่นิยมสูงสุดของเหล่านักท่องเที่ยวในการชมยอดเขา Matterhorn ที่เราสามารถขึ้นรถไฟจากในตัวเมือง Zermatt ได้เลย โดยตลอดระยะทางตั้งแต่สถานีรถไฟจนถึงยอดเขา ถ้าจะบอกว่ามันคือสวรรค์  แต่มันก็คงไม่มีคำไหนที่จะอธิบายสวิตเซอร์แลนด์ได้ดีเท่านี้อีกแล้ว


และนี่คือ 8 ใน 100 สถานที่ของสวิตเซอร์แลนด์ที่เราแสนจะประทับใจและอยากเอามาแบ่งปัน



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เที่ยววังน้ำเขียว ชมไร่องุ่น ปากช่อง โคราช สบายใจที่สุด

                 โคราชหรือนครราชสีมาหรืออีกชื่อที่เรียกกันนั้นก็คือเมือง ย่าโม เป็นปากทางเข้าสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นจังหวัดหนึ่งที...