หนีเที่ยวไป 4 เกาะชลบุรี
มีคนเคยพูดว่าไปทะเลไม่หนีร้อนก็หนีรักแต่บางคนก็บอกว่าถ้าต้องการกำลังใจ
ให้ไปทะเลเพราะคลื่นจะบอกเราเองว่า ซู่ๆบางคนก็บอกว่าถ้ามีความทุกข์ให้ลอง
ไปตะโกนที่ทะเล และอีกสารพัดคำพูด ที่เกี่ยวกับการไปทะเล จนบางทีก็แอบคิดว่า
ถ้าทะเลพูดได้ทะเลคงจะบอกว่ากับเราว่าเป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว
แต่เราก็เชื่อจริงๆ นะว่าทะเลเป็นให้เราได้ทุกอย่าง เป็นเพื่อนในยามที่เหงา
เป็นคนรักในยามที่เราต้องการการโอบกอด เป็นคนคอยให้กำลังใจในวันที่เศร้า
เป็นคนที่รับฟังเรื่องราวแบบไม่ตัดสิน และไม่ว่าแกจะไปทะเลด้วยเหตุผลใด
วันนี้เรามี 4 เกาะในชลบุรี ดี๊ดีที่อยากแนะนำ รับรองว่าทั้งใกล้ทั้งฟินจะไปแบบ Day Trip
หรือไปแบบค้างคืน ก็คุ้มราคา ค่าน้ำมัน ค่าอาหาร ค่ากินอยู่ รวมไปถึงค่าธรรมเนียมธนาคารด้วย
เอาล่ะถ้าอยากรู้ว่าจะสนุกสุดมันส์ขนาดไหนก็เลื่อนลงตามอ่านไห้ไวๆกันได้เลย
1. เกาะขาม
เริ่ม!!! เกาะแรกที่เราจะพาพวกแกไปก็คือเกาะขาม เกาะที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพ เป็นแหล่งหาดทรายอันเงียบสงบ และแนวปะการังอันอุดมสมบูรณ์ ตลอดจนผืนน้ำที่ใสราวกับกระจก ถ้าเป็นผู้หญิงก็คง
จะเรียกได้ว่าสวยแบบไม่มีที่ติ สวยตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ที่นี่จึงกลายเป็นอีกหนึ่งเกาะของชลบุรีที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ได้เป็นอย่างดี
ส่วนการเดินทางไปยังเกาะขามนั้นก็ง่ายสุด สามารถขึ้นเรือได้ที่ท่าเรือเขาหมาจอ โดยที่นี่จะเปิดให้เข้าชมได้แค่เพียงวันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์เท่านั้น แต่ถ้าอยากเข้าชมวันอื่นๆ จะต้องรวมตัวกันเป็นหมู่คณะอย่างน้อย 30 คน และต้องทำการจองล่วงหน้าด้วยนาจาาาา และกฎข้อบังคับต่างๆ
ต้องเป็นไปตามระเบียบของทหารเรือ เพราะเกาะแห่งนี้ได้รับความปกป้องดูแลจากเหล่านาวิกโยธิน
แค่ฟังก็อาจจะดูยุ่งยาก ละเอียดลออ แต่เมื่อได้เห็นก็จะเข้าใจเองว่าคำว่าไข่ในหินนั้นเป็นอย่างไร
สวยหมดจดนั้นเป็นอย่างไร
ไฮไลท์เด็ดของที่นี่ได้แก่สะพานไม้ที่อยู่ทางด้านซ้ายมือของเกาะ ดูคลาสสิคเป็นธรรมชาติจะถ่ายรูปก็ดีจะนั่งเล่นก็เพลิน นอกจากนี้หาดทรายต่างๆ ของเกาะขาม ก็ขึ้นชื่อว่าขาวสะอาดนุ่มเท้าไม่แพ้หาดไหนๆ ส่วนโลกใต้ทะเล คงไม่ต้องพูดถึงว่าจะได้รับการดูแลดีเพียงใด ความสมบูรณ์จึงยังครบครัน
ทั้งปะการังเขากวาง ปะการังโต๊ะ ปะการังสมองก็มีให้ชมแบบละลานตา
2. เกาะสีชัง
เกาะสีชัง อำเภอที่เล็กที่สุดในประเทศไทย แต่ความสวยงามนั้นถูกเล่าขานมานานนม เราจะพาพวกแกแว้นไปชม สะพานไม้ ที่ทอดยาวยื่นลงไปในทะเล หนึ่งในสะพานไม้ที่โรแมนติกที่สุดในประเทศไทย ทำกิจกรรมๆ ต่างๆ ณ หาดทรายที่ขาว น้ำใส ฟ้าสวย จนแกลืมไปเลยว่านี่คืออ่าวไทย ส่วนการเดินทางนั้นจะเลือกขับรถมาเองจากกรุงเทพ แล้วจอดไว้ที่ท่าเรือเกาะลอยเพื่อข้ามฝั่งไปยังเกาะสีชัง หรือจะนั่งรถตู้ก็มีบริการหลากหลายเส้นทาง เพื่อมาส่งยังท่าเรือเกาะลอยและข้ามฝั่งไปยังเกาะสีชังเช่นเดียวกัน บนเกาะแต่ละจุดค่อนข้างห่างไกลกัน ถ้าใครที่พอจะขับมอเตอร์ไซค์เป็น เรา แนะนำให้เช่าขับทัวร์รอบเกาะ
แต่ถ้าใครสกิลน้อย ก็มีรถสามล้อ หรือรถสกายแลปไว้บริการ
สะพานไม้ที่โด่งดังที่สุด ณ เกาะสีชัง หรือมีชื่อเต็มๆ ว่าสะพานอัษฎางค์ เป็นสะพานที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อใช้เป็นท่าเทียบเรือ หลังจากเสด็จประพาสฝรั่งเศส อยู่ภายในบริเวณพระตำหนัก
ถ้าแกมาจุดนี้รับรองได้ว่าจะฟินในความสงบ และสนุกไปกับมุมถ่ายรูปบนสะพาน
จนอาจจะต้องเวียนหัวเวลากลับไปเลือกรูปเลยทีเดียว
3 เกาะล้าน
หนึ่งในเกาะยอดฮิตของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่เดินทางมายังทะเลอ่าวไทย
ถ้าจะให้นึกถึงแบบไวไว คงต้องมีชื่อ เกาะล้าน ติดโผอยู่แน่นอน เพราะการเดินทางที่แสนง่าย
ซึ่งห่างจากพัทยาเพียง 7 กิโลเมตร และเลือกไปได้ทาง Speed Boat และเรือเฟอร์รี่
ที่ท่าเรือแหลมบาลีฮาย แถมค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็อยู่ในช่วงที่ไม่แพงมากเกินไปนัก
จะแค่ข้ามไปเดินเล่น ค้างคืน หรือดำน้ำกันอย่างจริงจัง ก็ได้หมด
ความโดดเด่นของเกาะล้านอีกอย่างหนึ่ง คือความหลากหลายของหาดทรายแต่ละฝั่ง
ถ้าอยากสงบก็หนีไปหาดเทียน ถ้าอยากเดินเล่นดำน้ำตื้นชมปะการังก็อยู่ที่หาดตาแหวน แต่ถ้าอยากเดินปายทะเลชมปะการังแบบ Sea Walker หรือนั่งเรือท้องกระจกชมปะการังแบบสวยใสตัวไม่เปียกก็ต้องเป็นหาดทองหลา ถ้าอยากชมวิวทิวทัศน์ของเกาะล้านให้เต็มสองตาก็ต้องขึ้นไปยังจุดชมวิวเขานม
หาดเยอะ ปะการังแยะ กิจกรรมดีๆ ก็มีให้ทำเพียบ แถมยังใกล้กรุงเทพขนาดนี้
จะรออะไรกันอยู่เล่า รีบแพ็คกระเป๋ามากันได้เลย
4 เกาะแสมสาร
อีกหนึ่งเกาะที่เกือบจะลึกและเป็นความลับ แต่ก็พึ่งมา Popular ในช่วง 2 3 ปีให้หลังมานี้ แถมยังเป็นเกาะที่เน้นการอนุรักษ์จึงมีการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว ที่สามารถเข้าบนเกาะได้เพียงวันละ 500 คน
ต่อวันเท่านั้น นั่นก็คือเกาะเเสมสารนั่นเอง ดังนั้นถ้าแกวางแผนจะไปเที่ยวที่เกาะแห่งนี้ ในวันหยุด
เราแนะนำให้แกจับรถตู้รอบเช้าสุด หรือขับรถไปให้ถึง ไวที่สุดเพื่อต่อแถวรับคิว ที่ท่าเรือเขาหมาจอ
โดยเขาจะเริ่มแจกบัตรคิวตั้งแต่ 6.00 และเริ่มเปิดขายตั๋วในช่วง 8 โมงเช้า แล้วรอข้ามไปยังเกาะแสมสาร โดยใช้เวลาเพียง 15 - 20 นาทีเท่านั้น อย่างที่บอกไปแล้วว่าเกาะแห่งนี้ในเรื่องของการอนุรักษ์และจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวดังนั้นเมื่อแกไปถึงจะต้องนั่งฟังบรรยายเกี่ยวกับกฎกติกาและจุดท่องเที่ยวต่างๆ
บนเกาะ รวมถึงกิจกรรมต่างๆ แต่ก็ไม่นานนัก
ทุกอย่างที่ต้องใช้การรอคอยย่อมคุ้มค่าเพื่อที่จะได้เห็นมัน เกาะแห่งนี้ก็เช่นกัน หาดทรายขาวนุ่มเท้าไร้เศษขยะ ลมเย็นๆ ที่หอบเอาไอของทะเลพัดมาปะทะหน้าชวนชื่นใจ สีฟ้าใสที่มองเห็นทรายอยู่เบื้องล่างของท้องทะเล กำลังทอแสงระยิบระยับรับกับแสงแดด เกลียวคลื่นสีขาวที่พัดมากระทบกับขาของเรา เหมือนกำลังเชื้อเชิญ ให้เราก้าวลงไปสู่โลกสีครามอันสวยงาม ปลาการ์ตูนนับร้อยตัวกำลังแหวกว่ายกันอย่างสดชื่น เพราะมันไม่ได้ถูกรบกวนจากเศษขนมปัง หรืออาหารที่คนตั้งใจหลอกล่อ ดั่งเช่นเกาะอื่นๆ
ที่นี่ไม่อนุญาตให้เราค้างคืน แต่แค่ช่วงระยะเวลาตั้งแต่ยามสายถึงยามเย็นก็เหมือนกับว่าเราได้เติมพลัง ฟื้นฟูร่างกายความคิดและจิตใจผ่านสายลม กระแสน้ำ ดั่งเสียงกระซิบที่พร่ำบอกว่า ซู่ๆ
ก่อนกลับกรุงเทพด้วยใจเบิกบาน พร้อมรับทุกสถานการณ์ที่จะเข้ามา
กายพร้อม ใจพร้อม เงินพร้อม ก็เก็บข้าวเก็บของ ยกมือกวักดักมือเรียกพวกพ้องแล้ว
ไปเที่ยวให้สบายใจกันดีกว่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น